#เจลแค้กันไนน์เฮิร์บ
สรรพคุณ : บรรเทาอาการผื่นคันตามผิวหนัง
วิธีใช้ : ทาบริเวณที่มีอาการวันละ 2-3 ครั้ง
บรรจุ : 25 กรัม
#ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยาแก้คัน ตราไนน์ เฮิร์บ กรีน บาล์ม ฟอร์ รีลีฟ อิชชิ่ง ได้ที่ ร้ายยา , Shopee
“ การใช้สมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรไทย และเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ”
ช่วยรักษาอาการโรคผิวหนัง ผดผื่นคัน ช่วยประสานเส้นเอ็น น้ำมันหอมระเหยในขมิ้น มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้องช่วยรักษาอาการปวดหรืออักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
รักษาโรคผิวหนัง แผลอักเสบ ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย
รักษาโรคผิวหนังผื่น
ใบแก้น้ำเหลืองเสีย พอกสมานบาดแผล แก้อักเสบช้ำ
แก้กลากเกลื้อน
รักษากลาก เกลื้อน ผื่นคัน ช่วยแก้อาการอักเสบและโรคผิวหนังที่เป็นน้ำเหลืองบางชนิด
ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนังต่างๆ รักษากลากเกลื้อน ผดผื่นคัน ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน หรือมีอาการคันบริเวณหนังศีรษะ
รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน ลดอาการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน จากแมลงกัดต่อยและแก้เริมงูสวัด
เป็นสารสกัดจากน้ำมันสะระแหน่ (peppermint oil) ใช้เป็นยาภายนอกเกี่ยวกับการลดอาการปวดเมื่อย ฆ่าเชื้อ แก้บวม
ผื่นคัน ทาภายนอกแก้พิษแมลงต่อย
รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการผื่นคัน อันเนื่องมาจากเกิดลมพิษ ช่วยรักษากลากเกลื้อน
ใช้แก้แมลงสัตว์กัดต่อย แก้อาการเม็ดผื่นคัน (Prurigo) และโรคผิวหนังต่างๆ ช่วยแก้อาการฟกช้ำบวมตามร่างกาย
แก้โรคเริม งูสวัด แก้ลมพิษ แก้ไฟลามทุ่ง แก้พิษ แมลงสัตว์กัดต่อย แผลฟกช้ำจากการกระทบกระแทก แผลมีเลือดออก
ใช้ผสมในยาหม่อง ยาขี้ผึ้ง ยาครีมทา แก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนังเรื้อรัง
จากผู้ใช้งานจริง
#ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยาแก้คัน ตราไนน์ เฮิร์บ กรีน บาล์ม ฟอร์ รีลีฟ อิชชิ่ง ได้ที่ ร้ายยา Shopee
A : ทำจากสมุนไพร ไม่มีสเตียรอยด์
A : ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสียพาราเบน ไม่มีน้ำหอม
A : เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป สามารถใช้ได้
A : สามารถใช้ทาผิวบริเวณที่บอบบางได้ เช่น ผิวหน้า ข้อพับ
A : เหมาะสำหรับอาการค้นที่เกิดจากแมลง
กัดต่อย เช่น มด, ยุง เป็นต้น
A : ช่วยให้ตัวยาสามารถซึมได้ดีและออกฤทธิ์ได้นาน
A : 1.เอ็กซ์ต้า พลัส https://www.exta.co.th/
2.เซเว่นอีเลฟเว่น https://www.7eleven.co.th/find-store
3.Shopee https://shopee.co.th/marketingsi#product_list
4.Lazada https://www.lazada.co.th/shop/madamgreen/
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ
บทความ
โดนยุงกัด เป็นรอยทำอย่างไรดี ? ปกติก็คันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังทิ้งรอยแดงรอยดำไว้ให้ปวดใจอีก ยิ่งถ้าเกาจนแขนลาย ขาลายละก็ งานนี้คงทำเอาสาว ๆ หลายคนเครียดหนักเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะใครที่ต้องใส่เสื้อผ้าอวดผิวสวย ๆ ช่วงนั้นต้องใส่เสื้อแขนยาวขายาวปิดมิดชิดกันเลยทีเดียวหลังถูกยุงกัดแล้ว คุณจะพบได้ว่าจะมีตุ่มนูน ๆ เป็นเนื้อแข็งสีขาว หรือสีแดงและมักพบมีอาการคันปรากฎขึ้นบนผิวหนัง โดยตุ่มนั้นจะอยู่บนผิวเราประมาณ 1 วันหรืออาจนานกว่านั้นกว่าตุ่มจะจางหายไป บางคนนั้นเมื่อโดนยุงกัดอาจเกิดรอยดำบนผิวหนัง และจะใช้เวลานานกว่ารอยดำนั้นจะหาย..
เครดิต:โดนยุงกัด เป็นรอยทำอย่างไรดี ? (thaibeautyreviews.blogspot.com)
เชื่อว่าหลายคนคงจะเจอยุงกัดกันบ่อย ๆ และก็คงจะคิดว่ายุงที่กัดนั้นจะทำให้เราเป็นแค่ไข้เลือดออก แต่รู้หรือไม่ว่ายุงนั้นเป็นพาหะที่สามารถนำโรคมาให้เราได้หลากหลายชนิด เรามาดูกันค่ะว่ามีโรคชนิดไหนบ้าง
รู้จักโรคร้ายที่มี “ยุง” เป็นพาหะนำโรค
โรคไข้เลือดออก
ยุงลาย : ออกหากินตอนกลางวัน (ปัจจุบันพบยุงลายตอนกลางคืน ช่วงโพล้เพล้อยู่บ้าง)
อาการ : หลังถูกยุงลายกัด 5-8 วัน จะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยตามร่างกาย เบื่ออาหาร หรืออาจอาเจียน มีผื่นแดงๆ ตามร่างกาย อาจเลือดออกง่าย ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ และเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ช็อก ชัก บวม แน่นหน้าอก ปวดท้อง หรือมีเลือดออกในอวัยวะภายใน
โรคชิกุนกุนยา
ยุงลาย : ออกหากินตอนกลางวัน (ปัจจุบันพบยุงลายตอนกลางคืน ช่วงโพล้เพล้อยู่บ้าง)
อาการ : อาการคล้ายไข้เลือดออกมาก แต่ไม่พบการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการช็อก
โรคไข้มาลาเรีย
ยุงก้นปล่อง : พบได้มากในป่า พื้นที่รกๆ อากาศร้อนชื้น แหล่งน้ำต่างๆ หรือพื้นที่อื่นๆ ทั่วไป
อาการ : มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ชีพจรเต้นเร็ว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หน้าซีดปากซีดจากการที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
โรคเท้าช้าง
โรคเกิดจากพยาธิตัวกลม โดยมียุงเป็นพาหะ
อาการ : มีไข้สูงเฉียบพลัน หลอดน้ำเหลือง และต่อมน้ำเหลืองอักเสบ โดยอาจพบได้บริเวณอวัยวะต่างๆ เช่น ขา ช่องท้องด้านหลัง ท่อน้ำเชื้ออสุจิ หรือเต้านม ผิวหนังบริเวณที่อับเสบจะบวมแดง มีน้ำเหลืองคั่ง คลำเป็นก้อนขรุขระ แต่ในบางรายอาจไม่แสดงอาการบวมชัดเจน
ไข้สมองอักเสบ
ยุงรำคาญ พบในนาข้าว เพราะเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ และมีหมูเป็นรังของโรค โดยยุงรำคาญไปกัดหมูที่เป็นโรค และแพร่เชื้อต่อสู่คน และสัตว์อื่นๆ
อาการ : หลังรับเชื้อ 5-15 วัน จะมีไข้สูง อาเจียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หลังจากนั้นจะเริ่มมีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น คอแข็ง สติสัมปชัญญะลดลง ซึม หรือ เพ้อ คลั่ง ชัก หมดสติ หรืออาจมือสั่น เป็นอัมพาต
ไข้ซิก้า
ยุงลาย : เป็นพาหะนำโรค เกิดจากเชื้อไวรัสซิกา
อาการ : ผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นตามตัว ปวดหัว ปวดข้อ ปวดตา และปวดกล้ามเนื้อ หญิงตั้งครรภ์หากเป็นโรคนี้อาจทำให้เด็กเกิดมามีศีรษะเล็กกว่าปกติ
โรคไข้เหลือง
ยุงป่า
อาการ : 4-7 วันหลังจากที่ถูกยุงกัด โดยจะมีไข้รุนแรงปวดศีรษะ คลื่นไส้ ตัวเหลือง แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีรักษาโรคนี้โดยตรง แต่ก็มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไข้เหลืองได้
เป็นยังไงบ้างค่ะสำหรับพาหะที่มากับยุง ยังมีอีกหลายโรคเลยค่ะที่เรายังไม่รู้ว่ายุงจะพาโรคอะไรมาสู่เราบ้าง เพราะนี่เป็นเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้นค่ะ แต่ละโรคที่มากับยุงก็น่ากลัวทั้งนั้นเลยนะคะ บางโรคถึงขั้นคร่าชีวิตเราไปได้เลยละค่ะ
” ยุง “ หนึ่งในสัตว์ที่สร้างความรำคาญให้เราเป็นอย่างมาก ยุงมักอาศัยในทุก ๆ ที่ซึ่งยุงเป็นพาหะนำโรคร้ายหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นไข้เลือดออก หรือมาลาเรีย และยังสร้างตุ่มคันให้น่ารำคาญขึ้นไปอีก วันนี้เราเลยจะพาทุกท่าน มาดูวิธีไล่ยุง และกำจัดยุง ที่สามารถนำไปปรับใช้ก่อนที่จะทำให้เกิดโรคต่อคนที่รัก
ชนิดของยุง
1. ยุงลาย เป็นยุงมีลำตัวและขาสลับดำ ยุงลายเป็นยุงนำโรคไข้เลือดออก และไข้สมองอักเสบ ชอบกัดคนและสัตว์เลี้ยงในเวลากลางวัน หรือตอนเย็น ๆ
2. ยุงก้นปล่อง เป็นยุงนำโรคไข้ป่า หรือโรคไข้มาเลเรีย อาศัยได้หลายที่ เช่น บ้าน ในป่า ภูเขา พบมากในชนบทที่อยู่แถวชายป่า ชอบไข่ในน้ำไหลริน ในแอ่งน้ำสะอาด
3. ยุงดำ เป็นยุงมีสีดำปนน้ำเงินที่ลำตัว ยุงดำเป็นยุงนำโรคเท้าช้าง ซึ่งเชื้อของโรคนี้มักพบมากในแถวชนบท ทางภาคใต้ของประเทศไทย
4. ยุงลำคาน ยุงรำคาญหรือยุงธรรมดา ตัวไม่โต ลำตัวมีสีเทา ขาและปีกไม่ลาย ชอบอยู่รอบ ๆ บ้าน และในบ้าน กัดคนไม่เลือกเวลา ยุงชนิดนี้ไม่นำโรค แต่กัดเจ็บคัน ๆ ทำให้รู้สึกรำคาญ
5. ยุงเสือ มีลักษณะสีน้ำตาลขนาดใหญ่ มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามบึง หรือหนองน้ำที่มีพืช เช่น จอก แหน ผักตบชวา พบได้มากทางภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศไทย เป็นพาหะนำโรคเท้าช้าง
วิธีไล่ยุงแบบพื้นบ้าน แบบไร้สารเคมี ปลอดภัย
1. กระเทียม พริกไทย
ให้นำกระเทียมที่ปอกเปลือกเปือกแล้ว มาวางตามมุมต่าง ๆ ที่ต้องการ โดยเฉพาะมุมมืด ๆ ที่ยุงมักจะแอบเข้าไปอยู่ วิธีนี้จะทำให้ยุงบินหนีไปที่อื่น
2. พัดลม
ใช้พักลมเปิดไล่ยุง ยุงตัวเล็ก ๆ จะมีน้ำหนักเบา เมื่อเจอลมเข้าไป แน่นอนว่าจะไม่สามารถต้านแรงลมได้จนต้องล่าถอยออกไปในส่วนที่ไม่มีลมแทน
3. เทียนหอมระเหย
เทียนหอมระเหย เทียนอโรม่า ที่หลาย ๆ คนนั้นชื่นชอบ สามารถไล่ยุงได้ เนื่องจากเทียนหอมระเหยมักมีสมุนไพรผสมอยู่มากมาย เช่น ตะไคร้ หรือยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นกลิ่นที่ยุงไม่ค่อยชอบ
4. เปลือกส้ม
นำเปลือกส้มตากให้แห้ง หลังจากนั้นก็สามารถนำมาจุดคล้าย ๆ ยากันยุงได้เลยค่ะ
5. ต้นสะเดา
ต้นสะเดามีสรรพคุณในการไล่ยุง โดยสามารถสกัดน้ำยาได้ทั้งจากต้นสะเดาสดหรือเมล็ดก็ได้
6. หลอดไฟเหลืองกันยุง
ยุงจะไม่ชอบแสงจากหลอดไฟสีเหลือง เราสามารถนำหลอดไฟสีเหลืองเล็ก ๆ มาติดบริเวณใดบริเวณหนึ่งที่มียุงได้
7. ปี๊บดักยุง
นำถุงเท้าที่มีกลิ่นอับ ใส่ในปี๊บแล้วนำไปวางไว้ในมุมอับของบ้าน ทิ้งไว้ข้ามคืน ยุงจะบินเข้าไปตอมกลิ่น ตอนเช้าจึงปิดฝาแล้วนำปี๊บไปตากแดด เท่านี้ยุงก็จะตายทั้งหมด
8. ทำลายแหล่งของยุง โดยถมบริเวณน้ำขัง คว่ำภาชนะที่น้ำขัง โอ่งน้ำ ถังน้ำให้มีฝาปิดมิดชิด เพื่อมิให้ยุงลงไปออกไข่ได้
วิธีไล่ยุงแบบวิธีสมัยใหม่
1. ฉีดพ่นยาแบบควัน
การฉีดพ่นยาแบบควัน จะสามารถเรียกทางเทศบาล หรือหน่วยงานทางสาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อมาให้บริการได้ หากพบว่าตามแหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำใกล้บ้านมีการเพาะพันธ์ุยุงที่เป็นอันตราย
2. ฉีดยากันยุง
วิธีนี้เรียกได้ว่าหลายบ้านใช้กันเป็นประจำ คือซื้อยาฉีดกำจัดยุงจากร้านสะดวกซื้อทั่วไป ซึ่งการใช้งานอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการสัมผัสเข้าร่างกายด้วยนะคะ
3. ไม้ช็อตยุง
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้งานได้ดี และกำจัดยุงร้ายให้ตายทันที แต่แน่นอนว่าจะต้องระมัดระวังในการใช้สูง โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากมีอันตรายที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน
เป็นยังไงบ้างค่ะนี่เป็นแค่วิธีส่วนนึงที่จะช่วยกำจัดยุงเท่านั้นค่ะ เพราะยังมีอีกหลายวิธีเลยค่ะ ที่จะช่วยกำจัดยุงได้ หากบ้านไหนที่ยุงเยอะ ๆ อย่าลืมลองนำวิธีด้านบนนี้ไปใช้บ้างนะคะ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรู้จักยุงกันเป็นอย่างดี แต่ว่าจะมีสักกี่คนที่จะรู้ชนิดของยุงทั้งหมด ยุงที่เพื่อน ๆ รู้จักนั้นคงจะไม่พ้น ยุงลาย หรือยุงป่า ที่เรานั้นคงจะได้ยินกันอย่างคุ้นหู วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับยุงแต่ละสายพันธุ์ และวงจร ระยะการมีชีวิตของยุง เราไปดูกันเลยค่ะ
ยุงมีกี่ชนิด
1. ยุงก้นปล่อง
ในปัจจุบันในประเทศไทยนั้นพบยุงก้นปล่อง 73 ชนิด แต่จะมีเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่พบว่าเป็นพาหะนำโรค ทั้งไข้ป่า หรือมาราเลีย ยุงชนิดนี้พบมากแถวชายป่า ชอบไข่ในแอ่งน้ำสะอาด
2. ยุงลาย
มีลำตัวที่สลับขาวดำ ยุงลายนั้นเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก โรคชินกุคุนยา และไข้สมองอักเสบ
3. ยุงเสือ หรือยุงลายเสือ
เป็นยุงที่มีสีน้ำตาลขนาดใหญ่ มีลาดลายบนปีก มักออกหากินช่วงหัวค่ำ ถึงเช้าตรู่ เป็นพาหะโรคเท้าช้าง พบมากในภาคใต้ของประเทศไทย
4. ยุงลำคาน ยุงลำคาน หรือยุธรรมดา ตัวจะไม่ใหญ่ มีลำตัวสีเทา ขาและปีกไม่ลาย มักอาศัยอยู่บริเวณชุมชน
วงจรชีวิตของยุง
ยุงจะพบตลอดปี แต่จะชุกชุมในฤดูร้อน ฤดูฝน พอเข้าฤดูหนาวจะลดลงมาก ยุงจะมีชีวิตนานนับเป็นเดือน และหากมีอาหารสมบูรณ์ก็จะมีอายุหลายเดือน วงจรชิตของยุงมี 4 ระยะ
1. ระยะไข่ ยุงตัวเมียผสมพันธุ์แล้ว จะวางไข่ในแหล่งน้ำ
2. ระยะตัวอ่อน หรือลูกน้ำ จะอยู่ในน้ำ เจริญเติบโตหากินในน้ำนาน 5-10 วัน จะกลายเป็นตัวแก่ หรือตัวโม่ง
3. ระยะตัวโม่ง จะหยุดกินอาหารอยู่นาน 2-3 วัน ลอกครอบฟักออกเป็นตัวยุง
4. ระยะตัวยุง มักจะมีปีก และเกาะผิวน้ำชั่วครู่ จากนั้นจะแข็งแรง พอปีกแห้งแล้วบินออกไปกัดกินอาหาร เลือด เพื่อเจริญเติบโต และแพร่พันธุ์ต่อไป
ยังมียุงอีกหลายสายพันธุ์เลยค่ะที่เรานั้นไม่รู้ นี่เป็นยุงส่วนนึงที่เรานั้นพบในประเทศไทย ยุงสามารถพบได้ทุกพื้นที่ก็จริง แต่ก็ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะเราสามารถป้องกันยุงได้หลายวิธี เพื่อให้ยุงนั้นไม่นำพาหะมาสู่เรา
ไข้เลือดออก : เกิดจากเชื้อไวรัสแดงกี่ที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย ปวดเมื่อยร่างกาย อ่อนเพลีย เบื่ออาหารและพบจุดตามร่างกาย ระบาดหนักมากในช่วงฤดูฝน
โรคไข้มาลาเรีย: โรคมาลาเรียมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค เกิดจากเชื้อโปรโตซัว ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ พบมากในเขตป่าเขาเขตชายแดน
หากเราไม่สามารถหลีกหนีจากยุงได้ การป้องกันตนเองจากยุงร้ายจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด…
เครดิต : https://raksuay.com/ยุงกัดทาอะไรดี/
เบื่อมั้ย ? กับรอยยุงกัด รักษา ดูแลยังไงก็ไม่หาย เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีปัญหารบกวนจากกองทัพยุงแน่ ยุงที่กัดส่วนใหญ่ในบ้านเราคือ ยุงรำคาญ เป็นยุงเพศเมียเพราะต้องการเลือดในการสร้างไข่ เมื่อยุงกัดจะปล่อยน้ำลายออกมาซึ่งในน้ำลายนี้เองมีสารโปรตีนที่เป็นสาเหตุของผื่นคันและการแพ้ หลายคนมักมีอาการแพ้น้ำลายยุงซึ่งเมื่อโดนกัดแล้วจะทำให้เป็นรอยจุดสีแดง กว่าจะจางก็อาจใช้เวลานาน
รอยยุงกัด ยุงกัดทั่วไป เเม้ไม่ร้ายเเรงเเต่ก็คันค่ะ เเละบางคนผิวเเพ้ยุง ทำให้เกิดอาการบวมเเดง เเละทิ้งรอยเเผลเป็นไว้ให้ดูต่างหน้า เเละรอยดำรอยแดงนี้ก็ไม่ใช่เเค่วันสองวัน หรืออาทิตย์สองอาทิตย์จะหาย เด็กบางคนเป็นปี ๆ กว่าจะหาย
หลังจากที่ยุงกัดเเล้ว ให้ล้างบริเวณที่ถูกยุงกัดด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิค่อนข้างอุ่นเเละสบู่อ่อน ๆเพื่อล้างน้ำลายยุงให้ออกไปก่อนนะคะ จากนั้นทาด้วยยาหรือคาลาไมล์เพื่อให้หายคันค่ะ
ดินสอพอง และน้ำมะนาว
ก่อนที่จะใช้วิธีนี้นะคะ ควรพิจารณาผิวบริเวณนั้นเสียก่อนค่ะ เเละไม่ควรใช้กับผิวบริเวณที่บอบบาง เช่น ใบหน้า ต้นเเขนต้นขา เนื่องจากความเป็นกรดของน้ำมะนาว อาจจะทำให้ผิวระคายเคืองได้
สูตรคือนำดินสอพองกับน้ำมะนาวสด ๆ เจือจางด้วยน้ำเปล่ามาผสมให้เข้าจนได้เนื้อครีมเหลวจากนั้นให้นำมาพอกผิวตรงจุดที่มีรอยยุงกัด ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง รอยดำจากรอยยุงกัดจะค่อย ๆ จางลงและหายไปในที่สุดค่ะ
ขมิ้น
นำขมิ้นชันมาล้างน้ำ ปอกเปลือก แล้วโขลกให้ละเอียด จากนั้นให้นำมาพอกทิ้งไว้บริเวณที่มีรอยยุงกัด หรือจะใช้ขมิ้นชันผงก็ได้เช่นกันนะคะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างออก วิธีนี้ช้วยแก้คันได้ด้วยนะคะ
เปลือกกล้วย
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเปลือกกล้วยสามารถช่วยรักษารอยยุงกัดได้ โดยเฉพาะรอยยุงกัดที่อักเสบ เป็นตุ่มบวมแดง และมีอาการคัน โดยวิธีทำก็คือให้นำผิวด้านในของเปลือกกล้วยมาถูเบา ๆ ในบริเวณที่โดนถูกยุงกัด นอกจากจะช่วยให้อาการคันและตุ่มยุงกัดลดลงแล้ว ยังจะช่วยป้องกันรอยดำจากยุงกัดได้อีกด้วยค่ะ
ตำลึง
ตำลึงที่ปลูกไว้ตามรั้วบ้าน หรือขึ้นเองตามที่รกร้าง ให้เด็ดเอาเฉพาะใบมาสัก 1 กำมือ ล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปปั่นหรือโขลกให้ละเอียด ผสมน้ำสะอาดเล็กน้อย แล้วให้นำมาทาบริเวณที่เป็นตุ่ม หรือรอยยุงกัด ทาบ่อย ๆ รอยยุงกัดจะยุบและไม่มีรอยดำกวนใจค่ะ
ทาครีมบำรุงผิว
ทาครีมบํารุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยให้รอยยุงกัดนั้นจางลง หายไปในที่สุด
ยุงเพียงแค่กัดนิดเดียว ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิต รวมถึงผลข้างเคียงในด้านความสวยงามได้เช่นกัน ยิ่งสำหรับคนที่แพ้น้ำลายยุงอย่างหนักอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ขึ้นได้
อ้างอิงข้อมูล
– theasianparent
– jelly.in.th
– si.mahidol.ac.th
หลาย ๆ คนมักมีปัญหากับยุง เพราะนอกจากจะสร้างความรำคาญแล้วยังทำให้เกิดอาการคัน หรือรอยตุ่มแดงอีก ยิ่งช่วงหน้าฝนหลายคนคงจะเจอปัญหานี้เป็นแน่แท้ แล้วถ้าหากเราโดนยุงกัดแล้ว เราจะทาอะไรดีถึงจะหาย ?
อาการคันจากยุงกัด คือสาเหตุที่ทําให้ต้องเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งติดลม ทําให้ต้องเกาไปเรื่อย ๆ จนบางครั้งทําให้เกิดเป็นแผล และแผลเป็นผิวหนัง ต้องหาทางรักษาเพิ่มเติมอีกมากมาย
วันนี้เราเลยมาแนะนำไอเทมที่ทุกบ้านนั้นต้องมี ไม่ว่าจะนอกบ้านหรือในบ้านก็สามารถพกติดตัวได้ตลอดอย่าง NINE HERBS GREEN BALM FOR RELIEVE ITCHING
เจลแก้คันที่สามารถทาได้ทั้งเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ บรรเทาอาการผื่นคันตามผิวหนัง ยิ่งหากใครที่ชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขานั้นยิ่งควรพกติดตัวไว้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการคันจากยุงกัดแล้วยังช่วย บรรเทาอาการผื่นคัน มดกัด แมลงกัดต่อย ได้อีกด้วย
ตัวผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบเนื้อเจลสีเขียว ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากได้ทาแล้วจะเห็นผลได้ชัดเจนมาก สามารถลดการเกา ที่เกิดจากอาการคัด มาจากสัตว์เล็ก สัตว์น้อย ก่อกวนให้รำคาญใจ
nineherbsgreenbalm
เชื่อหรือไม่ว่า…..หากเราโดนยุงกัดอันตรายกว่าที่คิด เพราะบางคนนั้นอาจเกิดอาการแพ้อย่างหนัก อาการแพ้ยุงเป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อการถูกยุงกัดมากกว่าปกติ ซึ่งมักทำให้เกิดอาการรุนแรงกว่าคนที่ไม่มีอาการแพ้ โดยอาจพบได้ตั้งแต่อาการแพ้ที่ไม่รุนแรงไปจนถึงระดับที่เป็นอันตราย
คนส่วนใหญ่เมื่อถูกยุงกัดแล้วมักเกิดอาการคัน และเกิดผื่นแดงตามผิวหนังที่ไม่รุนแรง แต่คนที่แพ้ยุงอาจเกิดอาการแพ้ที่รุนแรงกว่าคนทั่วไป อย่างลมพิษ หรือคันอย่างรุนแรง บางคนอาจเกิดอาการบวมตามผิวหนัง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้ยุง
1. อาการคล้ายกับการติดเชื้อ อย่างเป็นไข้และต่อมน้ำเหลืองบวมโต
2. คันตามผิวหนัง ผิวหนังบวมอย่างรุนแรงคล้ายกับการถูกสัตว์หรือแมลงมีพิษต่อย หรือเกิดอาการบวมทั่วร่างกาย
3. ภูมิแพ้รุนแรง แม้จะพบได้น้อย แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากพบอาการลมพิษ คอบวม ริมฝีปากบวม หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงหวีดแหลม เวียนหัว และคล้ายจะเป็นลม หรืออาการรุนแรงอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์ทันที
รับมือกับอาการแพ้ยุงยังไง
ปฐมพยาบาล
หากถูกยุงกัดควรทำความสะอาดผิวหนังในจุดที่ถูกกัดด้วยน้ำและสบู่ ซับให้แห้ง จากนั้นบรรเทาอาการบวมและคันด้วยการประคบเย็น โดยสามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด ผ้าห่อถุงน้ำแข็ง หรือขวดน้ำเย็นประคบตรงที่ถูกกัดประมาณ 10 นาที
ใช้ยาแก้แพ้สำหรับอาการแพ้ไม่รุนแรงหรือรุนแรงปานกลาง
ยาแก้แพ้ เป็นยาที่ช่วยยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีนซึ่งจะหลั่งออกมามากขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับสารที่แพ้ ในกรณีนี้คือสารบางอย่างจากน้ำลายของยุงที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการกัดทำให้เกิดอาการแพ้
ไม่ควรเการอยที่ถูกยุงกัด
การเกาตรงตำแหน่งที่ถูกยุงกัดจะกระตุ้นให้อาการคันและการอักเสบรุนแรงขึ้น อีกทั้งการเกาอาจทำให้เกิดรอยแผลขนาดเล็กบนผิวหนัง
หากใครคาดว่าคนในบ้านมีอาการแพ้ยุง หรืออาการจากการถูกยุงกัดส่งผลต่อการใช้ชีวิตสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้นะคะ เพื่อไม่ให้อาการแพ้ยุงรุกรามหรือส่งผลกระทบในทุก ๆ ด้านค่ะ.
หนาว ร้อน ฝน อากาศาศแห้ง อากาศชื้น ไม่ว่าจะเวลาไหน อากาศแบบใดเราก็สามารถพบผื่นคันได้ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับผื่นลมพิษ ผื่นร้อน วันนี้เราเลยจะพามาทำความรู้จักกับผื่นให้มากขึ้น พร้อมกับวิธีการรักษา
ผื่นแพ้ยา
ลักษณะ เป็นการตอบสนองของร่างกายที่ส่งผลให้มีผื่นขึ้นบนผิวหนังอย่างเฉียบพลันหลังใช้ยา เช่น ยาต้านจุลชีพ ยากลุ่มเอนเสด ยาเคมีบำบัด ยาทางจิตเวช และยากันชัก โดยผื่นแพ้ยามีหลายประเภท ทั้งชนิดที่ไม่รุนแรง และชนิดรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การรักษาของผื่นแพ้ยา คือ การตรวจหาตัวยาที่ทำให้เกิดอาการแพ้แล้วหยุดใช้ยาทันที ซึ่งบางคนมักหายจากผื่นแพ้ยาได้เองหลังเลิกใช้ยา
ผื่นแพ้สัมผัส
ลักษณะ เป็นผื่นแดงเล็ก ๆ คล้ายผด อาจมีอาการแสบคัน ระคายเคือง ไวต่อแสงแดดเเละเหงื่อ มักพบกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เพราะผู้หญิงมีการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่เป็นประจำ เเละมักเป็นสาเหตุของการเกิดผื่นแพ้สัมผัส
การรักษาของผื่นแพ้สัมผัส หยุดใช้เครื่องสำอาอางหรือสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้โดยทันที ไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี
ลมพิษ
ลักษณะ ผื่นคันที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยพบมากที่สุดในช่วงอายุ 20-40 ปี ลักษณะลมพิษจะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุย กระจายตามตัวแขนขา หรือบริเวณใบหน้า ซึ่งผื่นลมพิษสามารถเกิดขึ้นได้บนทุกส่วนในร่างกาย โดยมากมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นจะค่อยๆ จางหายไป บางรายอาจมีอาการถึงขั้นปวดท้อง แน่นจมูก หายใจติดขัด
การรักษาของผื่นลมพิษ
– หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษ
– หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และเลี่ยงไม่รับประทานหรือสัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ
– ใช้ยาต้านฮีสตามีนหรือยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วง เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
– ดูแลผิวไม่ให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป หมั่นทาครีมหรือโลชั่นที่ปราศจากน้ำหอม เพื่อลดความไวของผิวหนัง
ผื่นร้อน
ลักษณะ ผื่นร้อนกับหน้าร้อน มักเป็นของคู่กัน พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากการอุดตันของท่อระบายเหงื่อ ทำให้ร่างกายขับเหงื่อไม่ได้ มักเกิดในฤดูร้อนในพื้นที่ภูมิอากาศแบบเขตร้อน และหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก การใส่เสื้อผ้าที่กักเก็บเหงื่อ รวมถึงการใช้โลชั่นและครีมที่หนา
การรักษาหลักของผื่นร้อน หลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนเกินไปโดยเฉพาะในฤดูร้อน อยู่ในห้องที่อากาศเย็นสบาย อาบน้ำเย็นหรือเช็ดตัวช่วยคลายร้อน ใช้สบู่ที่ไม่ทำให้ผิวหนังแห้ง
ผื่นแพ้เหงื่อ
ลักษณะ เกิดจากส่วนประกอบของเหงื่อผ่านระบบภูมิต้านทานที่ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นผิวหนังในลักษณะผื่นลมพิษ หรือเกิดจากการแพ้เหงื่อแบบระคายเคืองร่วมกับเกิดอาการคัน จะพบว่าส่วนประกอบของเหงื่อจะมี ส่วนประกอบของน้ำ เกลือแร่ และอาจจะมีสารหรือยาบางอย่างที่ขับออกจากร่างกายโดยผ่านทางเหงื่อ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง และทำให้เกิดความอับชื้นในบริเวณซอกพับ เพิ่มการเสียดสีของผิวหนังบริเวณซอกพับ และมีการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
การรักษาหลักของผื่นแพ้เหงื่อ เมื่อมีการคันหรือการแพ้เหงื่อ แนะนำพบแพทย์เพื่อรับยารับประทานและยาทาเพื่อลดอาการผื่นและอาการคัน
นอกจากนี้ยังมีผื่นที่พบและเกิดขึ้นกับเด็ก
1. ผื่นผ้าอ้อม เป็นผลจากการใส่ผ้าอ้อมที่เปื้อนปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเวลานาน หรืออาจเกิดจากสารบางชนิดในผ้าอ้อม ทำให้เกิดการระคายเคือง
2. โรคอีสุกอีใส ก่อให้เกิดผื่นแดงและตุ่มน้ำใส ๆ ทั่วร่างกาย
3. โรคหัด โรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง ส่งผลให้เกิดผื่นคันและตุ่มแดงทั่วร่างกาย
4. ไข้อีดำอีแดง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส ทำให้เกิดผื่นแดงเป็นปื้น ลักษณะหยาบคล้ายกระดาษทรายบนผิวหนังได้
5. โรคมือเท้าปาก เป็นอาการติดเชื้อไวรัสที่พบในเด็ก ก่อให้เกิดผื่นบริเวณมือและเท้า รวมทั้งมีแผลภายในช่องปาก
6. โรคฟิฟธ์ โรคติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดผื่นเป็นปื้นแดงบริเวณแก้ม ต้นแขน และขา
7. โรคคาวาซากิ เป็นโรคที่พบได้น้อยแต่อาการค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้เกิดผื่นและมีไข้ นอกจากนี้ หากอาการรุนแรงอาจมีภาวะแทรกซ้อนอย่างหลอดเลือดหัวใจโป่งพองได้ด้วย
8. โรคแผลพุพอง คือโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้มีผื่นแดงตกสะเก็ด และเป็นหนองบริเวณใบหน้า ลำคอ และมือ
การรักษาผื่นโดยทั่วไป
1. ใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดอ่อนโยนเช็ดล้างผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นแทนการใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอม
2. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางหรือโลชั่นที่ไม่เคยใช้มาก่อน เพราะอาจยิ่งกระตุ้นให้เกิดผื่น
3. อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น และควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำที่ร้อนเกินไป
4. หากบริเวณที่เป็นผื่นเปียกน้ำ ควรใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง และไม่ควรเช็ดหรือถู เพราะอาจทำให้ยิ่งระคายเคือง
5. ทาครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดผื่น
6. หลีกเลี่ยงการปกปิดผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่น เพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศได้ดี
7. หลีกเลี่ยงการเกา เพราะจะยิ่งทำให้ระคายเคืองมากขึ้น และอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้
8. หากมีผื่นร่วมกับรังแคบนหนังศีรษะ อาจสระผมด้วยยาสระผมที่มีคุณสมบัติในการกำจัดรังแคได้ตามปกติ หรือใช้แชมพูที่มีตัวยารุนแรงขึ้น หาซื้อได้ตามร้านขายยา
หากใครที่ยังพบหรือยังมีผื่นอยู่รักษาด้วยตัวเองก็แล้ว หรือหลีกเลี่ยงสิ่งของที่ทำให้เกิดผื่นก็แล้วยังไม่หาย แนะนำให้พบแพทย์นะคะ เพราะเราจะได้ทราบว่าผื่นนั้นเป็นผื่นแพ้อย่างที่เราคิดหรือเปล่า เพราะบางผื่นผื่นอาจร้ายแรงกว่าที่เราคิดค่ะ